การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนเจ็บกล้ามเนื้อเล็กๆน้อย แต่บางคนอาจมีอาการ "เจ็บเข่าหรือปวดเข่า" จากการเล่นกีฬาอันหนักหน่วงได้ ผมเองเป็คนชอบเล่นกีฬามาก ทั้งตีแบด วิ่ง จนไปถึงเล่นบาสเก็ตบอล เมื่อก่อนเล่นแค่ไหนไม่เคยเจ็บเข่า แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นประกอบกับโหมเล่นกีฬาหนัก ทำให้เกิดอาการปวดเข่าขึ้นมาจนได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับ
สาเหตุที่ทำให้เจ็บเข่า
สาเหตุการปวดเข่าของผมครั้งนี้ น่าจะเริ่มมาจากการวิ่งมาราธอน รายการกรุงเทพมาราธอน BDMS BANGKOK MARATHON 29th Edition วันที่ 5 กุมพาพันธ์ 2017 เป็นการวิ่ง 21 กิโล ครั้งแรกของผม ก่อนวิ่งซ้อมมานิดหน่อย พอวิ่งเสร็จวันรุ่งขึ้นรู้สึกปวดเข่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปวดจนแทบเดินไม่ได้ เดินขึ้นลงบันไดนี่นรกเลย ปวดจนบอกไม่ถูกแต่พอผ่านไปประมาณ 3-4 วัน อาการปวดเข่าของผมก็หายไป เหลือแต่ปวดกล้ามเนื้อบริเวณข้อพับนิดหน่อย ผมก็ซื้อยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อมาทา แล้วก็ออกไปเล่นกีฬาอีกทั้งเล่นบาสและตีแบด ทำให้ที่เจ็บกล้ามเนื้อไม่ยอมหายสักที(ดื้อมาก) จนมีวันหนึ่งไปเล่นบาสอย่างหนักหน่วงมา รู้สึกปวดขามากกว่าทุกวัน ตอนนอนนอนแทบไม่ได้เพราะรู้สึกปวดทั้งขาและเข่า พอตืนเช้ามาปวดเข่ามาก เข้าด้านซ้ายมีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด เวลานั่งงอเข่านานๆแล้วเปลี่ยนท่า จะรู้สึกปวดเข่าขึ้นมาทันที เป็นอะไรที่ทรมานมาก
ซื้อยามากินและทา
หลังจากอาการปวดเข่ารุนแรงขึ้น ผมจึงตัดสินใจไปซื้อยามากินดีกว่า น่าจะช่วยให้อาการปวดเข่าดีขึ้น ผมเดินเข้าไปในร้านขายยาปรึกษาพี่เภสัช บอกว่าปวดกล้ามเนื้อกับปวดเข่า พี่เภสัชเลยจัดยากินมาให้ 2 ตัว เป็นยาแก้ปวดกับยาแก้ปวดข้อ/กล้ามเนื้ออักเสบ แล้วก็ได้ยาทามาอีก 1 หลอด ยี่ห้อ Piroxicam Felgesic Gelหลังจากกินยาได้ 5 วัน รู้สึกว่าอาการปวดกล้ามเนื้อดีขึ้น แต่อาการปวดเข่ายังไม่ดีเท่าไร ขับรถนานๆลงจากรถนี่ปวดเข่าทันที เริ่มรู้สึกไม่ไหวละ คงถึงเวลาต้องไปหาหมอแล้วล่ะ
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลนั่งเกล้า
ตอนแรกภรรยาผมบอกให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลิดสิน บอกว่าที่นี่เก่งเรื่องข้อเรื่องกระดูก แต่ผมเห็นว่าไกลเกินไปเดินทางลำบาก เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลนั่งเกล้าแทน เพราะใกล้บ้านมากกว่าผมไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 8 โมงเช้า เริ่มจากทำบัตรผู้ป่วยใหม่ก่อน เพราะยังไม่เคยมาใช้บริการที่นั่งเกล้าเลยสักครั้ง จะมีกระดาษให้กรอกข้อมูลอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้า พอกรอกเสร็จให้เอาไปวางไว้ในตระกร้าเพื่อรอเรียก ผมนั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที พนักงานก็เรียกไปสอบประวัติเบื้องต้น ถามว่าเป็นอะไรมา ผมตอบว่าปวดเข่า พนักกงานก็บอกว่าวันนี้หมอกระดูกคิวเต็มแล้ว จะพบหมอทั่วไปแทนได้มั้ย ผมตอบว่าได้ ไหนๆมาแล้วถ้าไม่เจอหมอก็ยังไงอยู่
รอพบหมอ
หลังจากได้บัตรผู้ป่วยและเอกสารบางส่วน พนักงานให้ผมขึ้นไปที่ชั้น 2 พร้อมกับยื่นเอกสารที่หน้าเคาน์เตอร์ ระหว่างนั้นพยาบาลจะให้เราไปวัดความดัน และสอบถามอาการเบื้องต้น ที่เหลือก็ยืนรอพบหมอที่หน้าห้อง ซึ่งคนเยอะมาก เป็นผู้สูงอายุซะเป็นส่วนใหญ่เข้าพบหมอ
ผมยืนรออยู่ประมาณ 30-40 นาที ก็ได้เข้าพบหมอ หมอถามว่าเป็นอะไรมา ผมบอกว่าปวดเข่าข้างซ้าย หมอก็เอามือมาจับที่เข่าถามว่าปวดตรงไหน กดด้านบนถามว่าปวดมั้ย ไม่ปวด กดด้านล่างปวดมั้ย ไม่ปวด หมอเลยถามว่าปวดตรงไหน ผมบอกว่าปวดตรงส่วนกลางหัวเข่า ยังไม่ทันพูดจบอยู่ดีๆมีคนไข้มาโวยวายหน้าห้องหมอ ทำให้หมออารมณ์เสีย (ผมแอบนึกในใจมาโวยวายอะไรตอนนี้) หมอถามผมว่าปวดมากมั้ย ถ้ามากจะให้ไปฉีดยา ผมบอกว่าปวดมากฉีดยาเลยครับ หมอก็จัดการกรอกข้อมูล ส่งตัวไปฉีดยารอรับยา(รอบแรก)
หลังจากตรวจอาการปวดเข่าเสร็จ ผมเดินลงมาที่ชั้น 1 ไปที่ห้องจ่ายยาเพื่อรอรับยา ตอนแรกผมงงว่าทำไมไม่ให้ผมไปฉีดยาก่อนแล้วถึงค่อยมารับยา แต่พอได้รับยาผมจึงเข้าใจ ว่ายาที่ให้มารับนั้นเป็นยาสำหรับฉีดนั่นเอง ให้มาเป็นหลอดแก้วที่ซองยาเขียนว่าเป็นตัวยา Diclofenacรอฉีดยา
หลังจากรอรับยาอยู่นาน ผมก็จะได้ฉีดยาสักที พนักงานให้ผมเดินไปที่ห้องฉีดยา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นห้องหมายเลข 19 ซึ่งต้องเดินเข้าไปลึกหน่อย ต้องถามพยาบาลหรือพนักงานแถวนั้นถึงจะรู้ เพราะเลขห้องมันไม่เรียงกันไปถึงหน้าห้องฉีดยา เค้าให้ยื่นเอกสารไว้ที่ตะกร้าหน้าห้องแล้วรอเรียก ผมนั่งรออยู่ประมาณ 10 นาที พยายบาลก็เรียกเข้าไป ก่อนฉีดพยาบาลถามผมว่า เราคือคนที่จะฉีดยาใช่มั้ย? ผมตอบไปว่าใช่พร้อมกับความงุนงง สงสัยว่าทำไมถามแปลกๆ พยายบาลบอกว่า คำนำหน้าในประวัติของผมเป็น "นาง" แทนที่จะต้องเป็น "นาย" ซึ่งผิดมาตั้งแต่ห้องทะเบียน แกเลยงงว่าตกลงผมเป็นผู้หญิง(ที่เป็นทอม)หรือเป็นผู้ชายกันแน่
ฉีดยา
พยาบาลให้ผมนอนลงที่เตียง จากนั้นเข้ามาฉีดยาที่บริเวณสะโพกให้จำนวน 1 เข็ม ตอนฉีดพยาบาลถามผมว่าเจ็บมั้ย ผมตอบว่าไม่เจ็บ เพราะพยาบาลฉีดเบามากแทบไม่รู้สึกว่าถูกเข็มจิ้มเข้าไป แต่แล้วสิ่งที่พยาบาลถามด้วยความเป็นห่วงก็เกิดขึ้นจนได้ หลังจากผมเดินออกจากห้องฉีดยาได้ประมาณ 20 เมตร ผมเริ่มรู้สึกปวดบริเวณสะโพกลามมาถึงก้นจนได้ ปวดจนเดินเป๋เลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าการฉีดยาสามารถทำให้เราเจ็บปวดได้ขนาดนี้จ่ายเงิน รอรับยา(รอบสอง)
และแล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการรักษาอาการปวดเข่าที่โรงพยาบาลนั่งเกล้าจนได้ รอคิดจ่ายเงิน ซึ่งขั้นตอนนี้จะนานเป็นพิเศษ นานกว่ารอพบหมอซะอีก ขนาดไปฉีดยามายังต้องรอตั้งนานกว่าจะถึงคิว พอถึงคิวจะมีหมายเลขจ่ายเงินเราขึ้นที่หน้าจอ เราก็เข้าไปต่อแถมรอจ่ายเงินได้ ซึ่งผมจ่ายเองไม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคมหรือบัตรทอง ตอนพนักกงานบอกยอดเงินผมตกใจเลย!!! 177 บาท ต้องถามซ้ำว่าเท่าไรนะครับ ก็ได้คำตอบเดิมว่า 177 บาท ถูกกว่าที่ผมคาดไว้มาก เพราะทั้งฉีดยา ได้ยากินมา 2 ตัว และยาทาอีก 1 หลอดหลังจากได้รับการฉีดยาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า รุ่งเช้าอาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬาของผมดีขึ้นทันที หายปวดเลยทีเดียว รู้งี้ไปหาหมอนานแล้ว แต่ยังมีขัดๆบ้างนิดหน่อย แต่พอกินยาและทายาจนหมด อาการปวดเข่าของผมก็หายเป็นปกติ ตอนนี้นั่งทำงานหรือนั่งขับรถที่ต้องงอเข่าเป็นเวลานานก็ไม่ปวดแล้ว เดินเป๋มาเกือบเดือน พอหายปวดแล้วรู้สึกดีจริงๆ
ใครมีปัญหาปวดเข่าจากการวิ่ง หรือเล่นกีฬาเหมือนผม ทายากินยาแล้วไม่ยอมหายสักที แนะนำให้ไปหาหมอครับ ที่ไหนก็ได้จะเป็นโรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้านก็ได้ อย่าปล่อยไว้นานเหมือนผม มันไม่ดีครับ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น