เครื่องดื่มประเภทชามีมานานหลายพันปีแล้ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมสำคัญของหลายๆ ชาติเลยทีเดียว ชาแต่ละประเภทก็กระบวนการชงที่แตกต่างกัน นอกจากคุณประโยชน์มากมายของใบชาในเรื่องสุขภาพแล้ว หลายๆ คน คงเคยได้ยินเรื่อง "การดื่มชาเพื่อลดน้ำหนัก" ทำให้กาต้มน้ำกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในเรื่องรูปร่างของคุณได้เช่นกัน
ชาช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร ?
ค้นหาชาที่ใช่ นั่นเพราะชาในโลกนี้มีหลากหลายชนิด ในแต่ละชนิดมีกระบวนการผลิต และให้สารอาหารที่แตกต่างกัน รวมถึงรสชาติที่แตกต่างกันด้วย การค้นหาชาในรสชาติที่คุณชื่นชอบ จะช่วยให้คุณสนุกกับการดื่มชามากขึ้น มันดีกว่าต้องฝืนกินอะไรที่เราไม่ชอบใช่ไหมล่ะ
- ชาเขียว คือ ยอดใบชาที่ผ่านการอบแห้งโดยไปผ่านกระบวนการหมักเลย จึงได้ใบชาที่มีความสด และยังมีสีเขียวอยู่
- ชาขาว ได้จากยอดชาอ่อนของช่อใหม่ มีกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อนน้อยที่สุด
- ชาดำ เป็นการนำใบชามาอบแห้ง จากนั้นนำมาบดด้วยลูกกลิ้ง และหมักจนได้ใบชาสีน้ำตาลเข้ม แล้วนำไปอบอีกครั้ง จึงมีรสชาติเข้มข้น เป็นชาที่มีความหลากหลายมากที่สุด เนื่องจากนิยมนำชาชนิดนี้ไปแต่งกลิ่นแต่งรส กลายเป็นชาสมุนไพร หรือชาผลไม้ต่างๆ
- ชาอู่หลง เป็นชาที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนชาดำ แต่ใช้ระยะเวลาในการหมักน้อยกว่า ซึ่งน้ำชาจะมีสีแดงเข้ม
ชาเขียวและชาอู่หลงมีสรรพคุณในการสลายไขมันได้ดีกว่าชาดำ ในขณะที่ชาอู่หลง สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่าชาเขียวถึง 2 เท่า โดยชาอู่หลงจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญ 10% ในขณะที่ชาเขียวช่วยเพิ่มการเผาผลาญ 4% แต่ชาเขียว และชาขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาชนิดอื่นๆ
มาดื่มชาลดน้ำหนักกันดีกว่า
- ดื่มชาเพียวๆ โดยไม่มีการปรุงแต่ง จะมีผลอะไรล่ะ ถ้าคุณดื่มชาโดยใส่น้ำตาล นม หรือครีมเทียม
- หลังมื้ออาหาร การดื่มชาแก่ๆ สักถ้วย จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้
- การจิบชาระหว่างวันช่วยลดความอยากอาหารลงได้ โดยเฉพาะชาเขียวที่มีสาร EGCG ซึ่งมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด มีอิทธิพลในการควบคุมความหิว
- ชงชาดื่มเองดีกว่า ชาที่ชงสำเร็จรูปมาแล้ว มักมีส่วนผสมของน้ำตาล หรือสารให้ความหวาน อีกทั้งรสชาติของชายังเจือจางด้วย
- ในช่วงบ่ายควรดื่มชาเย็นมากกว่าชาร้อน นั่นเพราะมีคาเฟอีนน้อยกว่า
- เลือกเวลาดื่มชา เช่น ชาขาวอาจปิดกั้นการดูดซึมไขมัน ดังนั้นจึงเหมาะกับการดื่มก่อนอาหารกลางวัน ชาผลไม้เหมาะสำหรับดื่มในตอนเย็น เพราะมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าชาชนิดอื่นๆ ในขณะที่ชาเขียว และชาอู่หลงเหมาะสำหรับดื่มตอนเช้า
- อย่าลืมคำนวณค่าคาเฟอีนที่คุณได้รับในแต่ละวัน โดยไม่ควรเกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน ปกติชาหนึ่งแก้วจะมีคาเฟอีนประมาณ 50 มิลลิกรัม เราสามารถลดปริมาณคาเฟอีนในชาลงได้ด้วยการลดระยะเวลาในการต้มชาลง หรือเลือกดื่มชาผลไม้ประเภทที่ไม่มีคาเฟอีน
- ไม่ใช่แค่ดื่มชาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายร่วมด้วย
- ลดความเบื่อด้วยการค้นหาชาลดชาติใหม่ๆ อาจผสมน้ำผึ้งลงในน้ำชาเล็กน้อยในบางวัน ใช้มะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือมองหาชารสชาติใหม่ๆ ด้วยการเปลี่ยนยี่ห้อ
ไม่ใช่แค่ชาเขียว และชาอู่หลง มาดูกันว่ามีชาอะไรบ้างที่ช่วยลดความอ้วนได้
- ชาโป๊ยกั๊ก หรือจันทร์แปดกลีบ - ส่งเสริมการย่อยอาหาร และบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
- ชาสะระแหน่ หรือชาเป็ปเปอร์มิ้นต์ - ควบคุมความอยากอาหาร ช่วยย่อยและเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
- ชากุหลาบ - ช่วยในเรื่องการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และยังเต็มไปด้วยวิตามินมากมาย
- ชาจีนผู่เอ๋อร์ - ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ลดคอเลสเซอรอล เหมาะสำหรับดื่มในตอนเช้า
- ชาจากต้นชิควีก - ลดอาการบวมน้ำ ชำระล้างของเสีย และไขมันตกค้างออกจากร่างกาย
คำเตือนเมื่อดื่มชา
- ดื่มแต่พอดี ไม่ควรดื่มเกิน 3 แก้วต่อวัน
- ไม่ควรดื่มชาในขณะที่ท้องว่าง เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารดูดซึมอาหารได้น้อยลง ทำให้เกิดอาหารท้องผูก ควรดื่มชาหลังรับประทานอาหารแล้ว 2-3 ชั่วโมง
- ไม่ดื่มชาก่อนการนอนหลับ 3 ชั่วโมง เพราะเครื่องดื่มคาเฟอีนจะรบกวนการนอนหลับ
- ไม่ควรแช่ใบชาทิ้งไว้นานๆ เพราะจะทำให้รสชาติเข้มข้นเกินไป
- ไม่ควรดื่มชาเก่า ชาที่ชงข้ามคืน เพราะชาอาจบูดได้ นอกจากนี้ชาที่ชงทิ้งไว้นานแล้วจะมีกรดแทนนิกสูง ซึ่งอาจก่อพิษต่อร่างกายได้
- ไม่ดื่มชาในขณะที่กินยา
- ผู้ที่ไม่ควรดื่มชา ได้แก่ ผู้ที่ไตทำงานบกพร่อง สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ผู้ที่มีไข้สูง ผู้มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ
ได้ฟังสรรพคุณและความสามารถในการลดน้ำหนักของชาแต่ละชนิดกันแล้วคงต้องรีบไปหาชามาดื่มกันอย่างเร่งด่วนเลยทีเดียว ยังไงก็แล้วแต่ ถึงการดื่มชาจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป และที่สำคัญควรออกกำลังกายและควบคุมอาหารการกินไปในตัวด้วย จะช่วยให้การลดน้ำหนักของเราได้ผลดียิ่งขึ้น
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น